การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์

1 การสืบพันธุ์
สิ่งมีชีวิตแตกต่างจากสิ่งไม่มีชีวิต คือมีสามารถในการให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตใหม่จากสิ่งมีชีวิตเดิมซึ่งเป็นสมบัติของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถดำรงพันธุ์ให้คงไว้ได้

1.1 การสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวมีการสืบพันธุ์ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ การไม่อาศัยเพศส่วนใหญ่เป็นการแบ่งเซลล์เป็น 2 ส่วนเท่าๆกัน เช่น อะมีบา สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวบางชนิดสืบพันธุ์โดยการแตกหน่อ เช่น ยีสต์


1.2 การสืบพันธุ์ของสัตว์
การสืบพันธุ์ของสัตว์มีทั้งการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศในสัตว์ที่มีโครงสร้างของร่างกายไม่ซับซ้อนและมีความสามารถในการงอกใหม่ เช่น พลานาเรีย ดาวทะเล สัตว์พวกนี้สามารถสืบพันธุ์โดยวิธีการงอกใหม่ การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศเกิดจากการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้หรืออสุจิกับเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียหรือเซลล์ไข่ซึ่งอาจเกิดภายในหรือภายนอกเพศเมียก็ได้เซลล์ไข่ที่ได้รับการผสมเรียกว่า ไซโกต

1.3 การสืบพันธุ์ของคน
การสืบพันธุของคนก็เหมือนกับสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังอื่นๆ คือ มีการรวมตัวกันของอสุจิกับเซลล์ไข่ในร่างกายของเพศหญิงเกิดเป็นไซโกต จากนั้นไซโกต จะเจริญเติบโตเป็นเอ็มบริโอ เอ็มบริโอที่เข้าสู่เดือนที่ 3 ของการตั้งครรภ์เรียกว่า ฟีตัสและเมื่อครบ 9 เดือนจะคลอดเป็นทารก

ระบบการสืบพันธุ์ของเพศชาย ประกอบด้วยอวัยวะหลายอย่างที่ทำงานสัมพันธุ์กัน ในเพศชายเมื่อย่างเข้าสู้วัยหนุ่ม สเปอร์มาโทโกเนียมแบ่งเซลล์เพิ่มจำนวนได้ตลอดวัยเจริญพันธุ์ ส่วนหนึ่งของ สเปอร์มาโทโกเนียมนี้เจริญเปลี่ยนแปลงเป็นอสุจิ ดั้งนั้นเพศชายจึงสามารถสร้างอสุจิได้ตลอดอายุ ถ้าร่างกายยังสมบูรณ์อสุจิที่สร้างขึ้นจากหลอดสร้างอสุจิจะเคลื่อนที่มายังหลอดเก็บอสุจิและพัฒนาต่อจนเจริญเต็มที่ต่อจากนั้นอสุจิจะเคลื่อนต่อไปยังหลอดนำอสุจิซึ่งวกขึ้นไปเหนือขอบกระดูกเชิงกรานและมีปลายเปิดเข้าสู่ท่อปัสสาวะ(urathra)

ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ประกอบด้วยรังไข่ที่อยู่ด้านล่างของช่องท้องลึกเข้าไปในอุ้มเชิงกรานอยู่2ข้างมดลูก รังไข่ทำหน้าที่ผลิตเซลล์ไข่และฮอร์โมนเพศหญิง มดลูกอยู่ด้านหลังกระเพาะปัสสาวะ มดลูกตอนล่างที่ติดต่อกับช่องคลอดจะแคบเข้าหากันเป็นปากมดลูก(cervix)ภายในรังไข่จะมีกระบวนการสร้างเซลล์ไข่โดยเริ่มตั่งแต่เป็นทารกในครรภ์จะมี เซลล์โอโอโกเนียมเป็นเซลล์ดิพลอยด์ ซึ่งสามารถแบ่งเซลล์แบบไมโทซีสทำให้ได้เซลล์โอโอโกเนียมจำนวนมาก แต่เมื่อทารกคลอดออกมา โอโอโกเนียมจะพัฒนาเป็นโอโอไซต์ระยะแรก เมื่อเขาสู่ระยะวัยสาวในแต่ละรอบเดือนโอโอไซต์ระยะแรกบางเซลล์จะถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมน FSH จากต่อมใต้สมองทำเริ่มแบ่งเซลล์แบบไมโอซีสครั้งที่ 1 ได้เป็นโอโอไซต์ระยะที่สอง1เซลล์ และพอลาร์บอดีซึ่งเป็นเซลล์ขนาดเล็ก1 เซลล์

การปฏิสนธิ
เซลล์ไข่ซึ่งอยู่ในระยะโอโอไซต์ระยะที่สองจะหลุดออกจากฟอลิเคิลเข้าสู่ท่อนำไข่ทางไข่ที่มีลักษณะคล้ายกับแตรโดยอาศัยการพัดโบกของซิเลียที่เยื่อบุผิวของท่อนำไข่

การตั้งครรภ์
ผนังของมดลูกประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 3ชั้น เอนโดมีเทรียมเป็นเนื้อเยื่อชั้นในมีความสำคัญมาก มีลักษณะคล้ายฟองน้ำและหลอดเลือดมาหล่อเลี้ยงระหว่างตั้งครรภ์เนื้อเยื่อชั้นนี้จะพัฒนาร่วมกับเนื้อเยื่อเอ็มบริโอแล้วเจริญไปเป็นรกเพื่อเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนแก๊สและส่งอาหารให้กับเอ็มบริโอเนื้อเยื่อถัดออกมา เป็นชั้นกล้ามเนื้อทำหน้าที่บีบตัวในระหว่างการคลอด นอกจากนี้ยังมีเนื้อเยื่อบางๆหุ้มชั้นกล้ามเนื้อเอาไว้อีกชั้นหนึ่งหากเซลล์ไข่ไม่ได้รับการปฏิสนธิผนังมดลูกชั้นเอนโดมีเทรียมในส่วนที่เจริญสำหรับการเตรียมรับการฝังตัวของเอ็มบริโอจะสลายหลุดลอกเป็นประจำเดือน

ความผิดปกติของชาย
1. การมีอสุจิที่ผิดปกติ จำนวนอสุจิน้อย ไม่มีอสุจิ หรือมีการผิดปกติเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของอสุจิ
2. ความผิดปกติเกี่ยวกับทางผ่านอสุจิ เช่น ท่อทางผ่านของอสุจิตีบตันไม่สามารถออกสู่ภายนอกร่างกายได้
3. ความผิดปกติในน้ำอสุจิ ความเป็นกรด-เบสของน้ำอสุจิผิดไป เช่น การขาดน้ำตาลฟรักโทสหรือมีการติดเชื้อทำให้อสุจิตาย

ความผิดปกติของหญิง
1. มีอวัยวะเพศพิการมากแต่กำเนิดเช่น ไม่มีช่องคลอด
2. ช่องคลอดหรือท่อนำไข่ตีบ มีผนังกั้น หรือมีก้อนเนื้องอก
3. เกิดการอักเสบเนืองจากติดเชื้อ เช่น พยาธิ รา เบคทีเรีย ไวรัส ทำให้เกิดภาวะการเป็นกรด-เบสของช่องคลอด หรือปากมดลูกทำให้อสุจิตาย
4. เยื่อบุผนังมดลูกผิดปกติ หรือเกิดเนื่องอกที่กล้ามเนื้อ ผนังมดลูกทำให้เกิดการแท้ง
5. การขาดฮอร์โมนโดยเฉพาะโพรเจสเทอโรน ทำให้เนื้อเยื่อบุผนังมดลูกเจริญเติบโตผิดปกติไม่เหมาะที่จะให้เอ็มบริโอฝังตัว

2การเจริญเติบโตของสัตว์
ไซโกตที่เกิดจากขึ้นจากการรวมตัวของเซลล์สืบพันธุ์จะต้องมีกระบวนการเติบโต เพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์

กระบวนการทีสำคัญต่อการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตมี 4 กระบวนการ คือ การแบ่งเซลล์ ของไซโกตเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ที่คล้ายคลึงกันจำนวนมากแต่ยังไม่พัฒนาไปทำหน้าที่จำเพาะ เมื่อเซลล์ได้รับสารอาหารเพียงพอก็จะมีการพัฒนาการเพิ่มขนาดของเซลล์หรือการเติบโตกระบวนการพัฒนาเปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็นอวัยวะและเกิดเป็นรูปร่าง เรียกว่า มอร์โฟเจเนซิส (morphogenesis)

2.1 การเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวและสัตว์บางชนิด
สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวเช่น อะมีบา หลังจากการแบ่งเซลล์จะมีการเพิ่มขนาดของเซลล์จนมีขนาดเท่ากับเซลล์ทั่วไป สัตวืหลายเซลล์โดยทั่วไปที่มีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศการเจริญเติบโตจะเริ่มตั้งแต่ไซโกตมีการเปลี่ยนแปลงเป็นเอ็มบริโอซึ่งรายละเอียดแตกต่างกันไปบ้าง

การเจริญเติบโตของกบ
เซลล์ของกบไม่มีเปลือกห่อหุ้มแต่มีวุ้นห่อหุ้มอยู่โดยรอบเมื่อลอยน้ำจะเห็นด้านที่มีสีเหลืองอยู่ด้านล่าง เนื่องจากมีไข่แดงซึ่งเป็นอาหารสะสมอยู่ส่วนด้านบนสีเทาเข้มจนเกือบเป็นสีดำ เนื่องจากมีสารสีอยู่หนาแน่นที่บริเวณใกล้ผิวของเซลล์เมื่อไซโกตจะเริ่มมีการแบ่งเซลล์เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์

คลีเวจ
เป็นกระบวนการที่ไซโกตมีการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสอย่างรวดเร็วทำให้ได้เอ็มบริโอที่มีจำนวนเซลล์เพิ่มขึ้นแต่ขนาดของแต่ละเซลล์ของเอ็มบริโอเล็กลงตามลำดับ

บลาสทูเลชัน
เป็นกระบวนการที่เซลล์ของเอ็มบริโอมีการจัดเรียงตัวเป็นชั้นอยู่ด้านนอก ตรงกลางเป็นช่องว่างที่มีของเหลวบรรจุอยู่เต็ม เรียกว่า บลาสโทซีสแกสทรูเลชันเป็นกระบวนการที่เซลล์มีการเคลื่อนที่และจัดเรียงตัวเป็นเนื้อเยื่อชั้นต่างๆกันประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 3 ชั้น เอกโทเดิร์ม เมโซเดิร์ม และเอนโดเดิร์มเรียกเอ็มบริโอระยะนี้ว่า แกสทรูลา

ออร์แกโนเจเนซิส
เป็นกระบวนการที่เนื้อเยื่อทั้ง 3 ชั้นของเอ็มบริโอมีพัฒนาการไปเป็นอวัยวะต่างๆ

2.2 การเจริญเติบโตของคน
เริ่มจากเซลล์ปฏิสนธิกับอสุจิเป็นไซโกตที่ท่อนำไข่ส่วนต้นมีกระบวนการแบ่งเซลล์เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ เรียก คลีเวจ ได้เป็นเอ็มบริโอในระยะมอทรูลาซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงต่อไปเป็นเอ็มบริโอระยะบลาสทูลา ขณะมีการเจริญเติบโตเอ็มบริโอจะมีการเคลื่อนที่มาตามท่อนำไข่ละมาฝังตัวในผนังมดลูกชั้นเอนโดมีเทรียม น้ำคร่ส่วนใหญ่มาจากเลือดของทารกโดยผ่านทางปอด ไต อีกส่วนหนึ่งจะซึมจากรกและผนังของถุงน้ำคร่ำปริมาณน้ำคร่ำจะเพิ่มตามอายุครรภ์ ในช่วงใกล้คลอดปริมาณน้ำคร่ำ 800-1,500 cm ซึ่งถ้าน้ำคร่ำมีปริมาณมากหรือน้อยเกินไปอาจบ่งถึงภาวะผิดปกติของทารกในครรภ์ สภาวะบางประการที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ เซลล์ไข่ของคนนั้นมีไข่แดงน้อยมาก ดั่งนั้นเอ็มบริโอและฟีตัสต้องได้รับอาหารจากแม่โดยผ่านทางรก ผู้ที่เป็นแม่ควรบริโภคอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการของทารกในครรภ์ หญิงที่มีครรภ์ควรรับพลังงานจากการกินอาหารวันละประมาณ 2300 กิโลแคลอรีน้ำหนักของหญิงมีครรภ์ไม่ควรเพิ่มเกินร้อยละ 25 ของน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์สารเคมีบางอย่างที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ได้ เช่นกัน ยากล่อมประสาทพวกทาลิโดไมด์

ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของลูกอ่อน
ปัจจัยที่มีผลจำเป็นมากสำหรับลูกอ่อน คือ อาหาร และการคุ้มภัยเซลล์ไข่ของสัตว์บางชนิดที่มีไข่แดงน้อยจึงมีกระบวนการเติบโตที่รวดเร็ว เพื่อให้สามารถหาอาหารเองได้ ส่วนเซลล์ไข่ของสัตว์ที่มีไข่แดงอยู่มากก็จะมีการเจริญเติบโตยาวนานขึ้น การป้องกันอันตรายของพ่อแม่ให้แก่ลูกอ่อนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ลูกอ่อนอยู่รอดเพื่อเพิ่มจำนวนประชากรและสืบทอดเผ่าพันธุ์ต่อไปได้

ที่มา
http://www.lks.ac.th/bioweb/about/unit11b1.html
http://www.lks.ac.th/bioweb/about/unit11b2.html

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น